บริษัทฯ ได้ทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจบริษัทผ่านการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมทัพธุรกิจเดิม ทำให้โครงสร้างธุรกิจของบริษัทเติบโตจากการเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียว เป็นการประกอบธุรกิจใน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ (1) ธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญอยู่เดิม และเสริมทัพด้วยธุรกิจใหม่ที่ทางพันธมิตรอย่าง BTS Group ซึ่งได้แก่ (2) ธุรกิจการลงทุนในบริษัทร่วมทุนเพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย นอกจากนี้ยังมี ธุรกิจการเงิน (3) ธุรกิจให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่มีหลักประกัน และ(4) ธุรกิจการเงินประเภทธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ซึ่งธุรกิจใหม่ทั้งสามประเภทนี้สามารถ synergy รวมกันได้เป็นอย่างดี

ธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นธุรกิจที่ TNL มีความเชี่ยวชาญอยู่เดิม ซึ่งการปรับโครงสร้างธุรกิจนี้จะช่วยให้ธุรกิจสิ่งทอมีความคล่องตัวในการแข่งขันในอุตสาหกรรมมากขึ้น ปรับตัวตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น โดย TNL จะยังคงให้ความสำคัญในพัฒนาและต่อยอดธุรกิจนี้ให้เติบโตมากขึ้น

แม้ว่า TNL จะถือว่าเป็นผู้เล่นรายใหม่ในธุรกิจการเงิน ทั้งธุรกิจการให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน และธุรกิจ AMC แต่ผู้บริหารและทีมงานที่มาร่วมงานกับ TNL เพื่อบริหารจัดการธุรกิจนี้ ถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจการเงินนี้ไม่น้อยกว่า 20 ปี ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้ TNL เป็นผู้เล่นรายสำคัญในอุตสาหกรรมได้

โดยในส่วนธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน (secured lending) มีขนาดของตลาดที่ใหญ่มาก โดยการแบ่งส่วนตลาดที่ Oxygen เลือก focus ซึ่งเป็นตลาดลูกค้าวงเงินกู้ขนาดกลางยังมีผู้เล่นไม่มาก และด้วยจุดแข็งในการให้บริการของ Oxygen ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ทำให้เชื่อว่า Oxygen ยังสามารถเข้าไปแบ่งส่วนแบ่งการตลาดได้ นอกจากนี้ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายทำให้ TNL มีเคลือข่ายและความรู้เกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดเข็ง ที่สำคัญของ TNL ซึ่งเริ่มสะท้อนให้เห็นการเติบโตจากผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง

TNL มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.20บาท ซึ่งเท่ากับร้อยละ 20 ของมูลค่าที่ตราไว้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทฯและภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยพิจารณาการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม คำนวณตามสัดส่วนของกำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะกิจการ (งบเดียว)